ความหมายของวิปัสสนากรรมฐาน หากว่ากันอย่างง่ายๆ ก็คือ
“การรู้จักตนเอง” ซึ่งตรงกับคำกล่าวของโสเครติสที่ว่า “Know Thyself” พระพุทธองค์ทรงค้นพบว่า
มนุษย์เราสามารถพ้นทุกข์ทั้งปวงทั้งสิ้นได้เมื่อเราได้เห็นสัจธรรมแห่งชีวิตอันแท้จริง
นี่เป็นความเข้าใจอันลึกซึ้ง ซึ่งหมายถึง
ความสุขของเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งเร้าจากโลกภายนอก
เราเพียงแค่ต้องรู้จักตนเองให้ชัดแจ้ง (แต่ในทางปรมัตถ์ การรู้จักตนเองเพื่อให้ความเข้าใจที่แท้ว่า
ทุกสิ่งย่อมเปลี่ยนแปลง ไม่มีสิ่งใดที่คงที่ ทุกสิ่งเป็นอนิจจัง
ดังคำที่พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนไว้)
วิปัสสนากรรมฐานตั้งอยู่บนหลักพื้นฐานของหลักของเหตุและผล
เป็นวิธีการที่จะทำจิตให้บริสุทธิ์ ให้ปราศจากสิ่งปรุงแต่ง หรือตัวแปรต่างๆ
ที่มากระทบจิตซึ่งทำให้เกิดความเครียด ความทุกข์
อันเป็นเทคนิคในการจัดการกับจิตโดยที่เราไม่ต้องพึ่งพาอำนาจ หรือการวิงวอนใดๆ
จากพระเจ้า, วิญญาณ
หรือจากพลังภายนอก วิปัสสนาใช้เพียงแค่ความเพียรพยายามของตนเท่านั้น
วิปัสสนาเป็นความเข้าใจอันลึกซึ้ง ที่ตัดผ่านความเข้าใจทั่วๆ ไป
เพื่อให้เข้าใจสภาพของจิต และให้เห็นสิ่งต่างๆ ตามสภาพความเป็นจริง
ว่าไม่เที่ยงแท้, เป็นทุกข์ และไม่ใช่ตัวตน. การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานจะค่อยๆ
ชำระจิตให้บริสุทธิ์ เป็นการขจัดความยึดมั่นถือมั่นในทุกสิ่ง
เมื่อความยึดมั่นถือมั่นหมดไป ความทะยานอยาก และความไม่รู้ก็จะค่อยๆ ลดลงไป
พระพุทธองค์ทรงตรัสเรียกชื่อกิเลสทั้งสองตัวนี้ว่า ตัณหา และอวิชชา
ซึ่งเป็นรากฐานของความทุกข์ทั้งปวง. เมื่อกิเลสทั้งสองนี้ถูกขจัดสิ้นไป
จิตก็จะสัมผัสเข้าถึงความเที่ยงแท้ที่เหนือโลกที่มีความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
สิ่งนั้นมีสภาพเป็นอมตะ เป็นโลกุตตรธรรม ซึ่งเรียกว่า “พระนิพพาน”
ตามรากศัพท์ในภาษาบาลี
วิปัสสนากรรมฐานเน้นการตั้งสติอยู่กับปัจจุบันขณะ
ต้องอยู่กับอารมณ์ปัจจุบันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งก็คือการเฝ้าดู
เฝ้าสังเกตระลึกรู้ร่างกาย (รูป) และจิตใจ (นาม) อย่างมีสติ
คำว่า "วิปัสสนา" แยกออกได้เป็น ๒ ส่วน คำว่า
"วิ" นั้น มีหลายความหมาย หนึ่งในนั้นหมายถึง "ผ่าน"
หมายเอาได้ว่า การเข้าถึงวิปัสสนาสามารถตัดผ่านม่านลวงตาที่อยู่ในจิตใจได้
นอกจากนี้ "วิ" ยังมีความหมายว่า "แจ้ง" อธิบายได้ว่า
เป็นรูปแบบของการเห็นแจ้งแยกแยะองค์ประกอบได้อย่างเด็ดขาด
แนวคิดของการแยกแยะในที่นี้ ความเห็นแจ้งทำหน้าที่คล้ายมีดผ่าตัดทางจิต
เป็นการแยกแยะให้จิตเห็นความแตกต่างระหว่างความจริงแบบโลกิยะ กับโลกุตตระ
ส่วนคำว่า “ปัสสนา” นั้นหมายถึง การเห็น,
การรับรู้ เมื่อนำทั้งสองมารวมผสานกันเข้า ก็จะหมายถึง “การเห็นวิเศษ”
“การเห็นแจ้ง” “การหยั่งรู้วิเศษ” “การรู้แจ้ง” เป็นการเห็นอย่างลึกซึ้ง
หรือความรู้เห็นที่มีพลัง มีประสิทธิภาพ ที่เข้าใจได้ทันที ซึ่งเป็นความเข้าใจอันลึกซึ้งที่ต้องได้พบเจอจากการปฏิบัติด้วยตนเอง
ไม่เกี่ยวกับการคิดหาเหตุผลเอาเองใดๆ ทั้งสิ้น
Translated
From http://www.vipassanadhura.com/whatis.htm#a
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น